ไบโพล่าร์ เมื่อยามฉันเป็นโรคทางจิตเวช

ไบโพล่าร์ กับการ เกริ่นนำ
.
ขออนุญาติเปิดเผยที่นี่เลยแล้วกันค่ะ คิดว่าถึงเวลาแล้ว
ที่ผ่านมาอึดอัดมากที่ต้องปิด แต่ตอนนี้จะเปิดเผยแล้ว
เพราะอยากให้ข้อมูลช่วยเหลือคนที่เป็นเหมือนกันค่ะ
ใครที่เป็นโรคเดียวกับเราหรือใกล้เคียงมาปรึกษาได้ค่ะ
มีลูกหลานเป็นหรือตัวเองเป็นยินดีให้คำปรึกษาค่ะ

meisanmui@icloud.com
.
พี่มุ่ยป่วยเป็นโรคที่ Vincent Vangoah เป็นจนตัดหูตัวเอง,Britney Spears เป็นจนเธอพยายาม comeback แต่ก็กลับมาไม่เหมือนเดิม เราก็เอาใจช่วยเธออยู่ โรคนี้เป็นโรคคู่กับโรคซึมเศร้า ชื่อว่า ไบโพล่าร์ Bipolar Disorder เราเป็นมา 10 ปีแล้ว เป็นสาเหตุที่ต้องกลับไทยเมื่อปี 2008
.
ประชากรโลกทั้งหมด จะมีคนเป็นโรค ไบโพล่าร์ นี้อยู่ 1% หรือเรียกอีกอย่างโรคอารมณ์สองขั้ว คนไทยยังเข้าใจผิดเรื่องโรคนี้อยู่มาก
.
เรื่องที่คนไทยเข้าใจผิด คือ โรค ไบโพล่าร์ นี้คือโรคเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่ใช่นะคะ
.
โรคนี้เกี่ยวกับสารเคมีในสมองไม่สมดุลย์ค่ะ โรคนี้ไม่ใช่โรคติคต่อ และเป็นได้จากพันธุกรรมมียีนนั้นอยู่แล้วและเกิด Tricker หรือการกระตุ้นบางอย่างในชีวิต เช่น ความเครียด โรคนี้สารโดพามีน(สารแห่งความสุข) จะเยอะกว่าปกติ ต้องทานยาต้าน เพื่อไม่ให้สารเคมีมากเกินไป
.
พอกินแล้ว แน่นอน มันไปกดโดพามีน ทำให้ทำกิจกรรมอะไรก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเท่าไร ในความคิดเรา การวาดรูป จากที่เคยทำให้เราสนุกมาก เรากลับรู้สึกธรรมดามากๆ
.
ยาตระกูลที่เราเคยกินมาแล้วก็อย่างเช่น Lithium,Abilify,Apalife,Risperdal,Risperidone,Depakine,etc.
ยากลุ่ม mood stabilizer ทั้งหลาย
.
ยาพวกนี้ก็จะมีผลข้างเคียงมากมาย ทำให้เราอาจจะต้องกินยาไปตลอดชีวิตได้ด้วย ยานี้จะทำให้มือสั่น อ้วนด้วย น้ำหนักขึ้นมาเป็นสิบโล เราน้ำหนักขึ้นมา 20 โล เราพยายามลดจนน้ำหนักถึงเท่าเดิมแล้ว(55) แต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เราพยายามลดน้ำหนักให้อยู่ในค่า BMI ต้องวิ่งบนเครื่องนานเป็นชั่วโมงๆๆระหว่างวิ่งไม่รู้ทำอะไรดูคอร์สเรียนไปด้วย
.
วิธีการรักษาโรคโดยไม่พึ่งยา แทบไม่มี บางคนบอกให้นั่งสมาธิ มันอาจจะช่วยให้ดีขึ้น แต่มันไม่ได้ช่วยให้โรคหาย
.
ในบางครั้งก็ไม่อยากทำอะไรเลย รู้สึกเบื่อมาก รู้สึกว่าเกิดมาทำไม บางทีก็ไม่มีความสุข เซ็งแต่ไม่คิดฆ่าตัวตาย(แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้วค่ะ อยู่กับมันได้แล้ว) โรค Bipolar จะแบ่งเป็น
.
-Bipolar I ไม่มีอาการซึมเศร้า พี่เป็นแบบนี้ค่ะ
-BIpolar II มีอาการซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตายด้วย อันนี้แบบที่คนเป็นกันเยอะ
.

โรค ไบโพล่าร์ นี้จะมี 2 ระยะค่ะ

.
1.Mania ก็คือจะเป็นการที่มีอาการเห็นภาพหลอน(Hallucination-เคสแรงๆ) มองโลกเปลี่ยนไปจากเดิม(Delusion)
2.Depression ก็คือการที่ซึมเศร้า รู้สึกอยากนอนตลอดเวลา ไม่อยากทำอะไรเลย อยากฆ่าตัวตาย มองเห็นตัวเองไม่มีค่า
.
พอเป็นโรคนี้ แล้วเราต่อสู้กับหลายสิ่งหลายอย่างมาก ทั้งกับตัวเองและความคิดลบที่ผุดเข้ามาและคำวิจารณ์ของคนอื่น ว่าทำไมต้องเป็นเราที่เป็นโรคนี้ บางคนเป็นแล้ว กลับมาทำงานไม่ได้ เป็นที่รังเกียจของสังคมบ้าง ทำให้เราไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวเองว่าเป็นโรคนี้
.

สังคมไทย เวลาที่ใครเขาเป็น ก็จะด่าไอ้โรคจิตบ้าง ไอ้จิตหลุด ไอ้บ้าบ้าง

.
อาการนี้พูดง่ายๆคือเราจะมองโลกผิดไปจากปกติ เช่น เราเห็นต้นไม้ เราก็คิดไปว่าต้นไม้นี้มาจากต่างดาว ซึ่งมันมาจากสารโดพามีนที่มากเกินไปนั่นเอง สารนี้มีมากๆแล้วจะทำให้ flow มาก ทางความคิด ความคิดโลดแล่นสุด
.
พอเรากินยากดโดพามีน อะไรที่เราเคยมีความสุขกับมัน เราไม่มีความสุขกับมันเหมือนเดิม เรื่องแบบนี้ยากที่จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ
.
เราเคยเครียดลงกระเพาะแทรก เข้า ร.พ.ศิริราช นอนให้น้ำเกลือ เข้าไปแล้วก็อ้วกแตกทั้งวัน ทำงานหนักเกินไป หลังจากอ้วกเสร็จก็สลบไปทั้งวัน และผู้ป่วยโรค Bipolar และซึมเศร้า ไม่ควรใช้คำติที่รุนแรง เนื่องจากอาจจะเกิดการฆ่าตัวตายได้สูงค่ะ
.
เราคิดว่าการเปิดเผยว่าเราเป็นโรคนี้ จะทำให้คนไม่กล้ามาเรียนกับเราเพราะกลัว เราเลยปิดไว้ มีใครรู้บ้างว่าเบื้องหลังเราต้องเจอสิ่งเหล่านี้คะ? และทุกคนที่ติเราต่างอยากรู้ในชีวิตของเรา การป่วยของเรา อยากรู้เรื่องสิงคโปร์ว่าเราเจออะไร คุณอยากรู้จริงๆหรือคะ?เพื่ออะไร? เพื่อวิจารณ์ต่อหรือเปล่า?
.
มันถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยแล้ว เพราะคนชอบบอกว่าเราทำงานได้ไม่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าการเปิดเผยนี้อาจจะเสี่ยงทำให้เราไม่มีงานสอนเข้ามา
.
หลายๆคนไม่เข้าใจสิ่งที่เราพยายามกระทำอยู่ ทุกวันนี้เราก็พยายามที่สุดแล้วที่จะเป็นเหมือนเดิม หรือดีกว่าเดิม เราต้องหาค่ายา เดือนละ 3,000-6,000 เองทุกเดือนราวผ่อนคอนโด ที่เหลือค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซื้อของ ต่างๆนานา และเราทำงานหนักมากๆไม่ได้ ลองคิดดูค่ะว่าเราต้องพยายามแค่ไหนในทุกวันนี้
.

ที่เขียนนี่เราไม่ได้ขอความเห็นใจจากใครค่ะ  แต่ถ้าใครมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ ลองมาถามเราได้ ยินดีให้ความช่วยเหลือ และแนะนำค่ะ

เรื่องคาใจ | ‘เมื่อยามฉันเป็นทางโรคจิตเวช’

.
มีคนถามว่า ไม่กลัวคนเอาไปนินทา โจมตี แล้วก็ไม่มีงานเหรอ ?
-มีอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้ากลัวก็คงไม่ออกมาเปิดเผย ไม่ออกมาให้ข้อมูลค่ะ 
.
ก่อนอื่น เวลาเราเป็นโรคจิตเวชแล้ว เวลาเห็นคนพูดว่าตัวเองโรคจิตอย่างนั้น โรคจิตอย่างนี้ แล้วเรารู้สึกยังไงรู้ไหม หดหู่ค่ะ หดหู่มากๆ เวลาเห็นคนปกติ พูดว่าตัวเองโรคจิตอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะไม่มีใครหรอกที่เขาอยากเป็นโรคจิตเวชหรือโรคอะไรก็ตามในโลก
.
เวลาที่คนอื่นด่ากันว่าโรคจิตๆๆ เราไม่เคยเห็นชาดิอื่นด่ากันด้วยชื่อโรคแบบนี้นะ รู้ไหมเรารู้สึกยังไง รู้สึกว่า คนผิด ไม่ใช่ คนโรคจิตค่ะ แต่คนธรรมดาที่ทำผิด เรียกว่า’คนเลว’ ไม่ใช่’คนโรคจิต’
.
นี่รวมไปถึงการเล่นมุขเกี่ยวกับโรคทางจิตเวชอีกด้วย มีใครเอาโรคหัวใจ โรคเบาหวาน มาเล่นบ้างคะ มีใครเรียกคนอื่นไหมว่าไอ้เบาหวาน ไอ้โรคหัวใจ มีแต่คนว่าไอ้โรคจิต ไอ้ไบโพ ไอ้ซึมเศร้า คุณรู้ไหมว่าคนเป็นโรคน่ะเขาเจ็บปวดนะ ไม่มีใครอยากเป็นโรคหรอกค่ะ
.
บางคนก็เอาเรื่องนี้มาโจมตีกัน มาเป็นจุดอ่อนที่ใช้โจมตีคนอื่น เหน็บแนมตามโซเซียล ทำให้สังคมเรายิ่งเข้าใจโรคจิตเวชแบบผิดๆกันเข้าไปใหญ่
.
โรคทางจิตเวช ก็เหมือนโรคทางกายค่ะ รักษาให้หายได้
.

แต่ที่เราได้ยินหนาหูคือ ‘โรคทางใจต้องใช้ใจสู้’

.
เราได้ยินมาเยอะมากว่า หลายๆคนที่เป็นโรคทางจิตเวช
โดนพ่อแม่และที่บ้านกดดัน บอกว่า ทำไมแกเป็นโรคนี้
ทำไมแกไม่หาย โรคแบบนี้หนะไม่มีหรอก มันอยู่ที่ใจเท่านั้น!
.
คนพูดแบบนี้แปลว่ายังไม่เข้าใจโรคจิตเวชดี
โรคจิตเวชเกิดจาก ความไม่สมดุลย์ของสารเคมีในสมองค่ะ
เช่น ซึมเศร้า เกิดจากมีเซโรโทนินมาก
ไบโพลาร์ เกิดจากโดพามีนมาก
.
การจะรักษาให้หาย นอกจากเรื่องของใจที่ต้องสู้แล้ว
ยังมีเรื่องของยา ที่กินแล้วต้องปรับยาไปเรื่อยๆ
แล้วยังมีอาการหลังปรับยาอีก
.
บางคน ปรับยาแล้ว ไม่ได้ดีขึ้น
กลับมาแย่ลง แถมมีความคิดฆ่าตัวตายเพิ่มเข้ามา
ซึ่งหลายๆคนก็ไม่เข้าใจอีก
บอกว่า คิดฆ่าตัวตาย ทำไมไม่รักชีวิตตัวเอง
ถ้าจะพูดให้ คลีเช่ นิดๆ ก็อาจจะบอกว่า…
.
คุณลองมาเป็นเขาดูไหมหละ?มันอาจจะทำไม่ได้หรอกในโลกนี้ แต่…
คุณจะได้รู้สักทีว่าจริงๆแล้วคนเป็นโรคจิตเวช
ไม่สามารถควบคุมความคิดตัวเองได้เลย
ไม่สามารถควบคุมว่า เออ อย่าเศร้าดิ อย่าร้องไห้
.
เมื่อก่อนก็เคยคิดค่ะ ก่อนหน้าที่เป็นโรคนี้
และเข้าใจโรคข้างเคียงอย่างซึมเศร้า
ก่อนหน้าที่จะเข้ามาสู่วงการโรคจิตเวชเนี่ย
.
คิดว่าทำไมคนฆ่าตัวตายเขาถึงคิดสั้นจัง
จริงๆแล้วไม่ว่าจะมองในแง่ของ’โรค’ หรือ ‘โลก’
1.ในแง่โรคอาการโรคทำให้ควบคุมความคิดไม่ได้
2.ในแง่โลกคนเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกที่จะตายเมื่อไร เวลาไหน แบบไหนก็ได้
.

ความแตกต่างระหว่างโรคจิตเภท กับ โรคไบโพล่าร์รวมไปถึงอาการของโรค

.

|Bipolar disorder (อารมณ์แปรปรวนสองขั้ว)|

.
โรคนี้จะทำให้ผู้ที่เป็นมีพลังเหลือล้นในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ค่อยง่วง มีความตื่นเต้นหรือต้องการที่จะทำกิจกรรมต่างๆตลอดเวลา หรือไม่ก็ซึมเศร้าตลอดเวลาเป็นช่วงๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ทำให้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน(มากจริงๆ)
.
ในบางรายก็เห็นภาพหลอน(Hellucination) และมีความคิดหลงผิด(Delusion)อีกด้วย บางกรณีแพทย์จึงเรียกโรคนี้ว่า Manic-depressive disorder ค่ะ โดยส่วนตัวที่เป็นโรคนี้อยู่ เรารู้สึกว่า หลายๆคนแนะนำให้เรานั่งสมาธิเยอะมาก….(ขอบคุณมากๆสำหรับความหวังดีของทุกคนนะ)
.
จริงๆไม่ใช่ไม่ดีนะ ทำตามคำแนะนำ มันช่วยให้อาการดีขึ้น แต่ถ้าจะหาย ยังไงก็ต้องใช้ยา เพราะมันขึ้นอยู่กับสารเคมี ไม่ว่าจะคิดบวกๆๆๆๆๆๆให้ตายยังไง สารเคมีมันก็หลังอยู่ดี บางคนถึงกับบอกว่า ลองสั่งร่างกายตัวเองให้หยุดหลั่งสารเคมีออกมา
.
คิดบวกเข้าไว้ นั่งสมาธิ เปลี่ยนวิถีชีวิต เชื่อสิ ว่าไม่ต้องใช้ยาก็หาย โรคพวกนี้มันอยู่ที่ใจ …ใช่มันอยู่ที่ใจ…คือใจต้องเข้มแข็ง เราบอกว่าวิธีที่ว่ามามันเป็นวิธีที่ดีและมันทำให้อาการโดยรวมดี แต่ถ้าใครทำวิธีนี้แล้วไม่กินยา มันก็ไม่หายนะคะ เราก็เคยหยุดยาแล้วกลับมาเป็นอีก
.

|Schizophrenia (จิตเภท) อ่านว่า สคิ๊ซ-โซ-ฟรี-เนีย|

.
อาการจะหนักกว่าไบโพล่าร์ในบางกรณีเห็นภาพหลอนและมีความคิดหลงผิด เช่นคิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ หรีอบุคคลสำคัญ ได้ยินเสียงที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆ รวมไปถึงไม่สามารถจัดการความคิดของตัวเองได้และไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลย
.
ติดตามอาการบวกและอาการลบของโรคจิตเภทได้เร็วๆนี้ค่ะ
.

“Criticism is something you can easily avoid by saying nothing, doing nothing, and being nothing.” ~Aristotle
“การวิจารณ์นั้นเป็นสิ่งที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงได้ง่ายโดยการไม่ทำอะไร ไม่พูดอะไร และไม่เป็นอะไรสักอย่างเลย” ~Aristotle

อ้างอิง

https://www.healthline.com/health/bipolar-disorder/bipolar-vs-schizophrenia#bipolar-disorder-vs-schizophrenia


Posted

in

,

by

Tags:

Create a website or blog at WordPress.com