ก่อนนอนคืนนี้เขียนอีกบทความนึงนั่นก็คือเรื่องของเวลาที่เอาอะไรมาก็ตามมา apply ในงาน
‘เอาแก่นมาอย่าเอากระพี้หรือเอาเปลือกมา’
ยกตัวอย่างที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดนั่นก็คือ…
‘เรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ต้องวาดฉากเก่ง’
ทำให้คนมองว่าเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์จะต้องว่าเป็นแต่ฉากและจะต้องวาดฉากได้
no
ไม่ใช่นะคะสถาปัตยกรรมศาสตร์ไม่ได้เรียนวาดฉาก
และ’ภูมิสถาปัตยกรรม’ไม่ได้’เรียนจัดสวน’ เราคือนักออกแบบ
บอกเลยว่าถ้าเราไม่ผ่านการเรียน landscape architect มาเราคงวาดได้ไม่แบบนี้แน่นอนทุกเส้นที่เราดีไซน์มันคือเส้นของการดีไซน์แปลน/รูปด้าน/รูปตัดของ landscape architect ทั้งสิ้น
เรียนคณะนี้จริงๆได้อะไรหลายๆอย่างมากๆนั่นก็คือการคำนึงถึงฟังก์ชันจริงๆในการทำงานไม่ใช่สักแต่ว่ายัดอะไรก็ตามที่สวยเข้าไปภายในภาพแล้วต้องการจะทำให้มันเกิด
อันนี้เป็นความเข้าใจผิดเบื้องต้นของคนทั่วไปรวมทั้งเราตอนก่อนจะเข้าคณะนี้
แต่ความคิดเราเปลี่ยนไปเมื่อเราเข้าไปถึงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
แล้วอาจารย์ได้ถามเราคำถามหนึ่งที่เรายังจำได้อยู่ทุกวันนี้นั่นก็คือ
‘ทำไมคุณเลือกภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม’
บอกได้เลยว่าคำตอบนี้เราตอบไม่ได้ตอนนั้นเราตอบได้แค่ว่าเราชอบต้นไม้และเรียนสายวิทย์มาจำเป็นต้องเลือกสถาปัตยกรรมศาสตร์ก็เลยเลือก landscape เขาก็เลยตอบอาจารย์ไว้ว่าก็หนูแค่ชอบสวนสาธารณะหนูแค่ชอบต้นไม้แล้วหนูก็อยากเห็นงานตัวเองออกมาเป็นสามมิติที่ตัวเองได้เข้าไปอยู่ตรงนั้น
แต่ในวันนี้เราตอบได้แล้วนั่นก็คือการที่เราเลือก landscape มันทำให้บทบาทในการเป็นดีไซเนอร์หรือคาแรคเตอร์ดีไซเนอร์ของเราในวันนั้นสมบูรณ์
ทำให้มุมมองของเราในการเป็นนักออกแบบคาแรคเตอร์มีมุมมองที่แตกต่างออกไป
ก็คือเรามองว่าทุกส่วนของคาแรคเตอร์คือ’สถาปัตยกรรม’
ไม่ว่าจะเป็นมือแขนขากระดูกหรือว่าหัวหรือแม้กระทั่งผมเราก็เลยพยายาม’ออกแบบภูมิทัศน์รอบๆทุกส่วนของคาแรคเตอร์ไม่จำเป็นที่จะไปแตะต้นไม้หรือสถาปัตยกรรมจริงๆด้วยซ้ำเราไม่ได้มองว่าจะต้องวาดฉากและอัดต้นไม้เข้าไปเพื่อให้รู้ว่าเรียนจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรมมา
และพอร์ตงานของเราเข้าตาบริษัทต่างชาติและเราก็ได้ไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์เนื่องจาก port character เราแข็งมากตอนนั้น
แน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่าปริมาณที่เราทำงานสมัยทำงานประจำมันเยอะแค่ไหนและมีความหลากหลายมากน้อยแค่ไหนเนื่องจากงานบางส่วนแล้วไม่ได้เผยแพร่ออกสาธารณะเลยนั่นก็คือเป็น tip of the iceberg ของจริง
ที่เราไปเราได้ไปทำงานเพ้นท์ส่วนใหญ่ซึ่งมันส่งเสริมสกิลซึ่งกันและกันนั่น
ก็คือสมองและกล้ามเนื้อนะคะ
ลองถามตัวเองนะว่าตัวเองใช้มันสมองหรือเปล่าในการทำงานพยายามใช้สมองในการทำงานให้มากแล้วเราจะได้ใช้กล้ามเนื้อในการทำงานน้อยลงและประหยัดแรงนะคะประหยัดทรัพยากร
ใส่ความเห็น